ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สนั่น เกตุทัต

อาจารย์สนั่น เกตุทัต (14 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2548) ผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516

อาจารย์สนั่น เกตุทัต เกิดเมื่อวันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 ณ บ้านถนนนครสวรรค์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้องรวม 7 คน ของพระพิเรนทรเทพบดีศรีสมุห (เนียน เกตุทัต) กับ นางสงวน เกตุทัต (วิริยศิริ) บิดารับราชการกระทรวงมหาดไทย และเมื่ออาจารย์สนั่นอายุประมาณ 6 - 7 ขวบ บิดาย้ายไปเป็นตำรวจรักษาพระองค์อยู่กระทรวงวัง และเช่าบ้านในตรอกวัดสามพระยา จึงได้เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดสามพระยา

อาจารย์สนั่นเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดสามพระยาจนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 จึงย้ายไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส ซึ่งเป็นช่วงที่บิดาปลูกบ้านใหม่อยู่ในซอยวัดราชาธิวาสใกล้ๆกับวัด และไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ชีวิตในวัยรุ่นของอาจารย์สนั่นเป็นชีวิตที่รื่นรมย์ สนุกสนาน ชีวิตอยู่กับแม่น้ำเจ้าพระยา ชอบเล่นน้ำ เล่นกีฬามาก จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือทำให้สอบตกในชั้นมัธยมปีที่ 7 และสอบตกอีกเมื่อเรียนชั้นมัธยมปีที่ 8 แต่ด้วยความมานะและตั้งใจจริงอันเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 8 ได้ใน พ.ศ. 2476 และมีความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ประกอบกับเริ่มมีความรักชอบกับหลานพระยานรรัตนราชมานิตชื่อ “สัจจา”

พ.ศ. 2478 เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ด้วยมีใจรักที่จะเป็นผู้พิพากษา จนสอบได้เป็นธรรมศาสตร์บัณฑิตในปี พ.ศ. 2471 และมีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ระดับประเทศของผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมด 69 คน สร้างความประหลาดใจและดีใจให้กับครอบครัวโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะผลการเรียนในระดับมัธยมต้นปานกลางเท่านั้น แถมยังสอบตกในชั้นมัธยมปลายเสียอีก แต่หากพิจารณาจากอุปนิสัย และพฤติกรรมต่างๆ แล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นคนตั้งใจจริง เด็ดเดี่ยว มีความพยายามเป็นยอด จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำได้

ด้วยอาจารย์สนั่น เกตุทัต มีความตั้งใจเดิมแล้วว่า อนาคตจะเป็นผู้พิพากษา ดังนั้นเมื่อจบชั้นมัธยมปีที่ 8 แล้วจึงไปสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งเสมียนกองล่ามและชวเลข สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ 20 บาท และย้ายไปเป็นเสมียนประจำกรมการศาลฎีกา (ผู้พิพากษาศาลฎีกา) กระทรวงยุติธรรม ประจำตัวพระยาพลางกูรธรรมวิจัย ทำงานในตำแหน่งนี้เกือบ 4 ปี ได้รับพระราชทานเงินเดือนขึ้นปีละ 2 บาท ในขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองด้วย อาจารย์สนั่นจึงได้เรียนทฤษฎีและนำไปใช้ปฏิบัติงานจริง สั่งสมความรู้และประสบการณ์ด้านกฎหมาย สำนวน คดีความ คำพิพากษา ตลอดจนรวบรวมคำพิพากษาฎีกาต่าง ๆ ไว้มากมาย เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์เมื่อเป็นผู้พิพากษาตามที่ตั้งความหวังไว้ แต่สิ่งที่วาดหวังไว้อย่างสวยงามต้องสลายไปในที่สุด นับเป็นจุดหักเหจุดสำคัญของชีวิตที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเส้นทางสายผู้พิพากษาที่วาดหวังไว้ต้องสะดุด เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมมีระเบียบกำหนดให้ผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษานั้นจะต้องเป็นจ่าศาลมาก่อน ซึ่งในขณะมีตำแหน่งว่างที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเพียงแห่งเดียว และบิดาของท่านทัดทานไว้เนื่องจากเห็นว่าเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างไกลติดต่อสื่อสารและไปมาหาสู่กันลำบาก อาจารย์สนั่นจึงขอสละสิทธิ์ในการไปรับตำแหน่งดังกล่าว

ใน พ.ศ. 2482 หลังจากอาจารย์สนั่น เกตุทัต ไปขอสละสิทธิ์ตำแหน่งจ่าศาลแล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กรมสรรพากรประกาศรับสมัครบุคคลที่เป็นธรรมศาสตร์บัณฑิต หรือเนติบัณฑิต เข้ารับราชการในตำแหน่งที่ต้องใช้วิชากฎหมายประจำกองข้าหลวงตรวจการสรรพากรภาค จำนวน 5 คน เพื่อไปประจำตามภาคต่างๆ มี 5 ภาค อาจารย์สนั่นไปสมัครสอบและสอบได้เป็นอันดับที่ 2 มีสิทธิ์ได้เลือกไปประจำภาคตามความสมัครใจของผู้สอบได้อันดับต่างๆ อาจารย์สนั่นตัดสินใจเลือกอยู่กองข้าหลวงตรวจการ จึงได้เริ่มงานที่กระทรวงการคลังในตำแหน่งสรรพากรภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังจากจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง และได้กลับมาสมรสกับนางสาวสัจจา จันทรวณิค ที่กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2485 ต่อมาได้ย้ายไปประจำแผนกกองตรวจการสรรพากร ภาค 4 จังหวัดมหาสารคาม จนมีบุตรชายคนแรก คือ เด็กชายณรงค์ เกตุทัต (คุณณรงค์ เกตุทัต กรรมการอำนวยการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์)

พ.ศ. 2486 - 2495 อาจารย์สนั่น เกตุทัต ได้ย้ายมาประจำในกรุงเทพมหานคร และทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำกรมสรรพากร ในเขตสรรพากรภาค 1 เป็นงานที่หนักมาก เพราะจำนวนผู้เสียภาษีในเขตสรรพากรภาค 1 มีถึง 17 จังหวัด และเป็นช่วงเวลาที่กำลังมีสงครามมหาเอเชียบูรพา กลางคืนต้องพรางไฟ ทุกคนอยู่กันด้วยความหวาดผวากับภัยทางอากาศที่มีเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดไม่เว้นแต่ละคืน เสียงสัญญาณเตือนภัยดังครวญครางแทบทุกคืน อาจารย์สนั่นจึงอพยพครอบครัวหลบภัยไปอยู่ตามที่ต่างๆ หลายแห่ง ครั้งสุดท้ายอพยพไปอยู่ในคลองบางระมาด ฝั่งธนบุรี และ ณ ที่นี้ อาจารย์สนั่นได้มีบุตรอีกหนึ่งคน คือ เด็กหญิงสมศรี เกตุทัต (อาจารย์สมศรี (เกตุทัต) ลัทธพิพัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และกรรมการอำนวยการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์)

อาจารย์สนั่นทำงานในแผนกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่หลายปี จึงได้เลื่อนชั้นรับตำแหน่งใหม่เป็นหัวหน้ากองนิติการ ทำหน้าที่ด้านกฎหมายโดยเฉพาะ และในปี พ.ศ. 2497 ได้ไปดำรงตำแหน่งสรรพากรภาค 7 (นครปฐม) อีกตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากกรมสรรพากรได้ขยายภาคจาก 5 ภาค ขึ้นเป็น 9 ภาค ทำให้ต้องเดินทางไปทำงานไปมาทั้งสองแห่ง ผลจากการที่ได้ทำงานหลายหน้าที่จึงได้เลื่อนชั้นเป็นนิติกรพิเศษ แล้วเลื่อนตำแหน่งต่อไปเป็นผู้อำนวยการกองนิติการ ในปี พ.ศ. 2499 ขณะมีอายุ 41 ปี ช่วงเวลาที่อยู่กองนิติการนี้ อาจารย์สนั่นได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ได้แก่ วิทยาลัยกรุงเทพการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำหน้าที่สอนวิชากฎหมายภาษีอากร ให้นักศึกษาในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทำให้อาจารย์สนั่น ได้นำความเป็น “ครู” ไปใช้ทำราชการด้วย

อาจารย์สนั่น ทุ่มเทให้กับงานภาษีอากรหลายปี จนในปี พ.ศ. 2508 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รองอธิบดีกรมสรรพากรฝ่ายปราบปราม เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง ต้องดูแลควบคุมการจัดเก็บภาษีอากรทุกประเภททั่วราชอาณาจักร อาจารย์สนั่นใช้ความรู้ความสามารถทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานจัดเก็บภาษีของรัฐดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดหลัก “ทุ่มเท จริงจัง และซื่อสัตย์สุจริต” เป็นที่ตั้ง อาจารย์สนั่น ทำงานในตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรอยู่ 4 ปีและในปี พ.ศ. 2511 ได้รับแต่งตั้งให้เป็น อธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งต้องดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินทั่วประเทศ ตลอดจนควบคุม ดูแลเกี่ยวกับการผลิตเหรียญกษาปณ์ทุกชนิด อาจารย์สนั่นได้ขยายงานโดยกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ประจำจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบไปยังจังหวัดต่างๆ ทำให้งานดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินเป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพอาจารย์สนั่นเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์จนถึง พ.ศ. 2515 ตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรว่างลง ปลัดกระทรวงการคลังขณะนั้น คือ คุณบุญมา วงษ์สวรรค์ ประสงค์จะให้อาจารย์สนั่นไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร อาจเป็นเพราะได้เห็นผลงาน และความสามารถของอาจารย์สนั่นเกี่ยวกับการดูแลจัดเก็บภาษีที่กรมสรรพากรมาแล้ว อาจารย์สนั่นจึงต้องไปรับตำแหน่ง อธิบดีกรมศุลกากร ในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ ทำหน้าที่ควบคุมและจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับสินค้านำเข้าและสินค้าส่งออกบางชนิด ควบคุมและปราบปรามการลักลอบสินค้านำเข้าโดยไม่เสียภาษีของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งเป็นงานที่ไม่ยาก แต่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย อาจารย์สนั่นเป็นอธิบดีกรมศุลกากรได้เพียงปีเศษๆ ปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๖ อาจารย์ได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดของการเป็นข้าราชการประจำ และในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าใดนัก อาจารย์ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

อาจารย์สนั่น เกตุทัต เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์สูงทำงาน โดยเฉพาะงานของกระทรวงการคลัง ที่ประกอบด้วยกรมกองมากมาย กรมใหญ่ ๆ ในกระทรวงนี้ อาจารย์ก็เคยทำมาแล้วทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติ และในฐานะผู้บริหาร ดังนั้น หลังจากที่ทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงผ่านไปได้ 6 เดือน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้อาจารย์สนั่น เกตุทัต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในคณะรัฐบาลที่มี ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อาจารย์สนั่นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงควบคู่กับการเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ระยะหนึ่ง เมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ทำให้อาจารย์ต้องลำบากใจทำงาน จึงขอลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คงทำหน้าที่เฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงเพียงตำแหน่งเดียว จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2518

ฉากแห่งเส้นทางการทำงานเพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติอันยาวนานถึงเกือบ 40 ปี ในฐานะข้าราชการประจำของคนคนหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากการเป็น “ เสมียน” อันเป็นตำแหน่งต่ำสุด ก้าวไปถึง “ปลัดกระทรวง” ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของการเป็นข้าราชการประจำ อาจจะไม่ราบเรียบสวยงามเหมือนปูด้วยพรมเนื้อดี แต่ทุกย่างก้าวก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่งคง สะอาด และบริสุทธิ์ นับเป็นความงดงามแห่งชีวิตที่ควรได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูล “เกตุทัต”

อาจารย์สนั่น เกตุทัต ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2548 ศิริอายุ 89 ปี เมื่อท่านสิ้นชีวิต ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมรับศพของท่านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยได้พระราชทานโกศแปดเหลี่ยมเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ พระราชทานพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมในเจ็ดวันแรก พระราชทานพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 50 วัน 100 วัน และพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุ รวมทั้งได้ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการพระราชทานเพลิงศพ

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถือกำเนิดจากความคิดและปณิธานอันแรงกล้าของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ และอาจารย์สนั่น เกตุทัต ที่มุ่งมั่นจะทำงานด้านการศึกษา เพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ

เมื่อปี พ.ศ. 2508 ขณะที่อาจารย์สนั่น เกตุทัต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร มีความรับผิดชอบสูงกับงานในหน้าที่ควบคุมการจัดเก็บภาษีอากรทุกประเภททั่วราชอาณาจักร และขณะเดียวกันอาจารย์ยังมีความรับผิดชอบในหน้าที่ “ครู” สอนหนังสือในสถาบันการศึกษาหลายแห่งด้วย จนมีความรักในเรื่องการสอน และ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ ผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขย ซึ่งทำงานด้านการศึกษาในตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยการค้า (พ.ศ. 2507 - 2508) ได้มีความเห็นตรงกันในเรื่องการสร้างเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม

ช่วงเวลานั้น อาจารย์สนั่นยังคงรับราชการที่กรมสรรพากร ภาระหน้าที่ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบันการศึกษาจึงเป็นหน้าที่หลักของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ แต่เมื่อใดที่มีเวลาหรือเสร็จภารกิจจากงานในหน้าที่ในแต่ละวันแล้ว อาจารย์สนั่นจะมาช่วยคิด ช่วยทำ ร่วมกับ ดร.ไสว ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้ “โรงเรียนธุรกิจบัณฑิตย์” เปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 ต่อมาในวันที่ 30 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยมี ฯพณฯ ทวี บุณยเกตุ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมกับเปลี่ยนคำว่า “โรงเรียน” เป็น “สถาบัน” ก่อตั้งบนพื้นที่ 1 ไร่ 14 ตารางวา ณ เลขที่ 73 ถนนพระราม 6 สถาบันการศึกษานาม “ธุรกิจบัณฑิตย์” จึงเกิดขึ้นในวงการศึกษาไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้เติบโตเป็น “วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” ใน พ.ศ. 2513 ต่อมาใน พ.ศ. 2527 ได้เจริญก้าวหน้าเป็น “มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” บนเนื้อที่ 36 ไร่ ริมคลองประปา ถนนประชาชื่น จนถึงปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มั่นคงและแข็งแกร่ง

อาจารย์สนั่น เกตุทัต เคยถ่ายทอดความรู้สึกต่อสถาบันการศึกษาที่ท่านได้ก่อตั้งร่วมกับ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ ไว้ว่า ...

... ผมภูมิใจกับสถาบันนี้ที่ผมกับอาจารย์ไสว ร่วมกันสร้างขึ้นมา โดยมีปณิธานว่า เราจะทำงานด้านการศึกษา เพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ บัดนี้ ปณิธานนั้นได้บรรลุแล้ว ...


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301